วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ระลึกถึงสหาย บุญสนอง บุณโยทยาน


ใจ อึ๊งภากรณ์

ผมไม่เคยรู้จัก ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน เป็นส่วนตัว แต่ผมได้ยินชื่อเขามานานและได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเขาพอสมควร ผมขออนุญาตเรียกเขาเป็น “สหาย” เพราะเขาเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งของขบวนการสังคมนิยมและขบวนการประชาธิปไตยไทย และเขาคงไม่ถือตัวต้องการเป็น “ท่าน” หรืออะไรแบบนั้น เพราะเขาใช้ชีวิตและเสียสละชีวิต เพื่อสังคมที่เท่าเทียมกัน และเพื่อศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ในการอ้างถึงสหายบุญสนองแบบนี้ ผมไม่อยากอ้างชื่อเขามาเพื่อให้ความชอบธรรมกับแนวคิดของผม หรือสิ่งที่ผมกระทำ นั้นเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญและการอ้างผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เพื่อทำให้ตนเองดูดี เป็นเรื่องน่าเกลียดไม่สมควร ผมเพียงแต่เสนอว่า สหายบุญสนอง “เป็นพวกเรา” และ “เรา” ในที่นี้หมายถึงขบวนการของคนที่รักความเป็นธรรม ขบวนการสังคมนิยม และขบวนการประชาธิปไตย ที่ต่อสู้มายาวนานในประเทศไทย ขบวนการนี้ยังต่อสู้อยู่ในรูปแบบของคนเสื้อแดงที่กำลังสู้กับอำมาตย์ แต่อย่าไปเสียเวลาเดาว่า สหายบุญสนอง ถ้ายังมีชีวิตอยู่ จะเป็นเสื้อแดงเหมือนผมหรือไม่ เพราะเราไม่มีวันทราบและมันเป็นการเดาในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง

บุญสนอง บุณโยทยาน เป็นนักสังคมนิยมอีกคนหนึ่ง ในหมู่นักสังคมนิยมไทย เช่น ปรีดี พนมยงค์ จิตร ภูมิศักดิ์ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ฯลฯ ที่เราควรจะศึกษาและเคารพ และการเคารพที่จริงใจจะมองเขาในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ที่ได้รับอิทธิพลจากยุคสมัย เราวิจารณ์หรือมองต่างมุมได้ จริงๆ แล้วการเคารพต้องประกอบไปด้วยการพยายามพูดความจริงเกี่ยวกับเขาในมุมมองของเรา

สหายบุญสนอง บุณโยทยาน มีบทบาทสำคัญในการนำแนวสังคมนิยมลงสู่ภาคปฏิบัติของการเมืองโลกจริงผ่านการเคลื่อนไหวของพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยในยุคระหว่าง ๑๔ ตุลา ๒๕๑๖ กับ ๒๕๑๙ การหาเสียงของพรรคนี้ในหมู่บ้านทางภาคเหนือของไทย ไม่เหมือนการหาเสียงของนักการเมืองนายทุนประเภทที่ไร้นโยบายในสมัยนั้นหรือสมัยนี้ เพราะมีการจัดเวทีประชุมใหญ่ๆ เพื่อเสนอนโยบายการเมืองแบบสังคมนิยมที่เป็นรูปธรรมกับชาวบ้านรากหญ้า โดยไม่มีการซื้อเสียง นอกจากนี้สหายบุญสนองอธิบายว่าในการเลือกเขตเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง พรรคสังคมนิยมและพรรคแนวร่วมสังคมนิยมพยายามลดความสำคัญของตัวบุคคลและเพิ่มความสำคัญของนโยบายทางการเมือง (สัมภาษณ์ใน Far Eastern Economic Review 17/1/1975; 26) วิธีการนี้ได้ผลพอสมควรเพราะในการเลือกตั้งปี ๒๕๑๘ พรรคสังคมนิยมต่างๆได้ประมาณสิบห้าที่นั่ง

ถึงแม้ว่าพรรคสังคมนิยมไม่ใช่พรรคแนวมาร์คซิสต์เพราะจำกัดการทำงานภายในกรอบของระบบทุนนิยมแทนที่จะวางแผนปฏิวัติล้มระบบ แต่วิธีการทำงาน และนโยบายต่างๆ ของพรรค สามารถท้าทายแนวกระแสหลักได้มากพอสมควร และมีประโยชน์ต่อประชาชนธรรมดา เช่นนโยบายปฏิรูปที่ดินที่ให้ชาวนาทุกคนมีใช้อย่างเพียงพอ นโยบายการศึกษาและการรักษาพยาบาลฟรีสำหรับพลเมืองทุกคน นโยบายการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การเสนอให้มีการวางแผนเพื่อการผลิต นโยบายการนำธนาคาร เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมน้ำมันมาเป็นของรัฐในขณะที่ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจที่ดำรงอยู่ให้รับใช้ประชาชนอย่างจริงจัง หรือนโยบายกระจายอำนาจการปกครองให้คนกลุ่มน้อยเช่นชาวเขาชาวดอย ชาวมุสลิมในภาคใต้ หรือชาวเวียดนามอพยพ เพื่อให้เขาปกครองตนเอง (สัมภาษณ์ใน Far Eastern Economic Review 17/1/1975; 27) นโยบายดังกล่าวถือว่าก้าวหน้ามากและในหลายเรื่องยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้สังคมไทยล้าหลังอยู่ และยังตกอยู่ในยุคมืด

การต้านผลประโยชน์ของอภิสิทธิ์ชนหรืออำมาตย์ ผ่านการเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สร้างความไม่พอใจในหมู่อำมาตย์ อย่างที่เราเห็นก่อนและหลังยุคนั้น ในภาพรวมมันทำให้เราเห็นว่าอำมาตย์พร้อมจะก่อความรุนแรง เหตุการณ์นองเลือดและรัฐประหารตลอด เพื่อปกป้องอภิสิทธิ์ของตนเองเสมอ สหายบุญสนอง บุณโยทยาน จึงถูกยิงตายโดยมือปืนของฝ่ายขวาในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ เขา เหมือนจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องสละชีพเพื่อการสร้างสังคมใหม่ และในงานศพเขาที่สนามหลวงมีประชาชนไปร่วมมากมาย

ผลงานหลักของเขาที่เป็นบทเรียนสำหรับเราคือในรูปแบบการทำงาน จุดเด่นคือการเห็นความสำคัญของการเคลื่อนไหวในสังคมเปิดเพื่อช่วงชิงอิทธิพลความผูกขาดทางการเมืองจากชนชั้นปกครอง ดังนั้นถ้าเทียบกับการทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยแล้วมีทั้งข้อดีข้อเสีย พ... มีข้อด้อยเพราะในปี ๒๕๐๕ เริ่มหันหลังให้กับการต่อสู้ในเมืองของมวลชน เพื่อเน้นการต่อสู้ใต้ดินที่ใช้วิธีการจับอาวุธของคนส่วนน้อยในชนบท วิธีการต่อสู้นี้ลดความสำคัญของการปลุกระดมมวลชนกรรมาชีพหรือชาวนาในสังคมเปิด แต่จุดเด่นของ พ... คือการมีชุดความคิดทางการเมืองที่ชัดเจน(ไม่ว่าเราจะเห็นด้วยกับชุดความคิดนี้หรือไม่) ซึ่งช่วยให้พรรคดำรงอยู่ได้นานและไม่พึ่งบุคคลสำคัญๆ ไม่กี่คน ถ้าเทียบกับ พ... แล้วพรรคสังคมนิยมไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ เพราะไม่มีเอกภาพในทฤษฎี หลัง ๖ ตุลา ๒๕๑๙ พรรคสังคมนิยมจึงยอมเข้าป่าไปอยู่ภายใต้แนวของ พ...

ในเรื่องความคิด สหายบุญสนอง ไม่ค่อยมีบทบาทในการเป็นปัญญาชนสังคมนิยมของฝ่ายซ้ายไทย ทั้งๆ ที่เขาเป็นปัญญาชน เพราะงานเขียนเขาไม่ท้าทายระบบความคิดของชนชั้นปกครองเท่าไร เช่นในหนังสือ "มนุษย์กับสังคม" เกือบไม่มีการอ้างถึงแนวมาร์คซิสต์ หรือแนวอื่นในการวิเคราะห์สังคม และมีการนำเสนอแนวคิดสังคมศาสตร์แบบกระแสหลัก เช่นการเสนอว่าในระบบทุนนิยมชนชั้นต่างๆ ร่วมมือกันได้ แต่ในการวิจารณ์ สหายบุญสนอง แบบนี้ของผม ผมขอชวนให้เราไม่ลืมด้วยว่า สหายบุญสนอง ไม่เคยอ้างว่าตนเองเป็นมาร์คซิสต์ และคงจะเป็นคนที่บริสุทธิ์ใจในการค้นหาแนวทางสู่สังคมที่เป็นธรรม

เขาเป็นวีรบุรุษคนหนึ่งของขบวนการสังคมนิยมและขบวนการประชาธิปไตยไทย ดังนั้นใครที่เคารพเขาคงจะสำนึกเองได้ว่าเราต้องต่อสู้ต่อไป ไม่ท้อแท้ เพื่อไม่ให้ สหายบุญสนอง สู้และเสียสละไปโดยเปล่าประโยชน์

อ่านเพิ่ม

บุญสนอง บุณโยทยาน (๒๕๔๕) ใน "ประชาชนต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน" บรรณาธิการ - สมพร จันทรชัย สถาบัน
     พัฒนาการเมือง กรุงเทพฯ
บุญสนอง บุณโยทยาน (๒๕๑๘) ดูบทสัมภาษณ์ใน Far Eastern Economic Review Far (17th January 1975) "Thailand/Interview: The Socialist's viewpoint" สัมภาษณ์ บุญสนอง บุณโยทยาน



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น