วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปคำให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของ ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน เรื่องนโยบายของพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย




สรุปคำให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายของ ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน เรื่องนโยบายของพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยต่อกลุ่มวิเคราะห์การเมือง สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2519 13.30-16.00 น.

สรุปจากเทป บันทึกเสียง โดย ธวัช วิชัยดิษฐ์
มีบทสัมภาษณ์เต็มใน ประชาชาติรายวัน 7-8 มีนาคม 2519 หน้า 2-3


นโยบายทางด้านเศรษฐกิจ

พรรคสังคมนิยมไม่มีนโยบายที่จะยึดกิจการธนาคารของเอกชนเข้าเป็นของรัฐโดยไม่ได้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมโดยอาศัยมติมหาชน แม้ว่าธนาคารเป็นกิจการที่มีกำไรมาก ไม่ว่าระบบไหน แต่ในประเทศสังคมนิยม รัฐบาลอาจดำเนินการธนาคารเสียเอง โดยธนาคารเป็นสถาบันทางการเงินซึ่งทำผลประโยชน์ให้แก่รัฐ จึงไม่ได้เน้นในด้านการแสวงหากำไรเป็นสำคัญ แต่เน้นในด้านการให้บริการทางการเงินแก่ประชาชน ในทางเศรษฐกิจ เหตุผลที่พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยเสนอนโยบายที่จะให้โอนกิจการของธนาคารเอกชนเป็นของรัฐ ก็เนื่องมาจากเป็นกิจการที่เป็นแหล่งรวมเงินของประเทศอย่างมหาศาล เราทราบกันดีว่ารายได้ของประเทศส่วนใหญ่ได้มาจากการผลิตทางด้านการเกษตรและการผลิตทางด้านอุตสาหกรรมและกึ่งเกษตรกรรม เงินทั้งหลายจึงไปตกอยู่กับธนาคารเสียเป็นส่วนใหญ่ และธนาคารก็ใช้เงินไปแสวงหากำไรภาคเอกชน ทำให้ไม่มีการผันเงินอย่างแท้จริงไปสู่ผู้ผลิต สู่ประชาชนส่วนใหญ่ อันนี้ก็คงจะมีความไม่เหมือนกับนโยบายผันเงินของพรรคกิจสังคม โดยที่การผันเงินของพรรคกิจสังคมเป็นการผันแบบปลายเหตุ ผันส่วนน้อย ผันแบบผักชีโรยหน้า มิได้ทำแบบจริงจัง ดังนั้นในหลักการแล้ว ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายการผันเงินของพรรคกิจสังคม และในวิธีการก็ไม่เห็นด้วย นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์การเกษตร ในทางการคลัง การเงินทั้งหลายก็คงจะพอมองเห็นว่าผลประโยชน์ที่แท้จริงของการผันเงินไปตกอยู่ที่คนอื่น มิใช่ชาวนาที่แท้จริง

ในเรื่องการควบคุมปัจจัยการผลิต จะเห็นได้ว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่เจ้าของไม่ได้ทำประโยชน์ด้วยตัวเองไปเป็นของรัฐ เพื่อจะจัดให้กลุ่มเกษตรกร หรือชุมชนทางกสิกรรมทั้งหลายร่วมกันเป็นกรรมสิทธิ์ หมายความว่า เราดำเนินงานเพื่อจะโอนการควบคุมปัจจัยการผลิต ในกรณีนี้เมื่อพิจารณารวมถึงการโอนธนาคารเข้ามาเป็นของรัฐ การโอนกิจการค้ากับต่างประเทศเป็นของรัฐ เป็นการเปลี่ยนแปลงในด้านการควบคุมปัจจัยการผลิตทั้งสิ้น อันนี้เราไม่ได้พูดถึงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินในทุกประเภท วิธีการต่างๆ เหล่านี้จะต้องทำการศึกษากันอย่างจริงจังและลึกซึ้ง แต่ที่แน่นอนจะต้องสร้างหลักประกันไว้ไม่ให้ผู้ผลิต คือ ชาวไร่ชาวนาตกอยู่ในสภาพเสียที่ดินที่ตัวทำจริงๆ ไปให้กับคนอื่น อาจจะมีกฎหมายห้ามโอน ห้ามจำหน่ายที่ดินหรือมิฉะนั้นก็อาจมีกฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งก็น่าจะทำพร้อมๆ กับกฎหมายที่จะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ไม่ให้ผู้ที่ไม่ได้ทำกินด้วยตนเอง ไม่ได้ทำประโยชน์ที่ดินตนเอง เป็นเจ้าของที่ดิน เมื่อเป็นอย่างนี้ การโอนนำไปสู่นายทุนก็เป็นไม่ได้ ขัดกับกฎหมาย

นโยบายด้านการปกครองและการเงิน

พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยมีนโยบายที่จะต่อสู้ทางการเมืองร่วมกับชนชั้นผู้ใช้แรงงาน คือกรรมกร ชาวนา ให้มีองค์กรของพลังประชาชนในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นระดับหมู่บ้าน ระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัดก็ตาม เพื่อช่วยให้มีการปกครองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ คือ ให้ประชาชนสามารถที่จะควบคุมอำนาจในการบริหารในแต่ละท้องถิ่นอย่างจริงจัง คือ การเลือกตั้งตัดอำนาจรัฐซึ่งเป็นอำนาจรัฐของส่วนกลางหรือชนชั้นปกครอง ซึ่งมีตัวแกนผลประโยชน์ทางชนชั้นอยู่ในท้องถิ่นต่างๆ ในทุกหัวระแหงในปัจจุบันนี้ บุคคลเหล่านั้นต่างได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงทบวงกรมเข้าไปทำหน้าที่ปกครองหรือบริหารประชาชน เราจึงต้องมีการดำเนินนโยบายที่จะแก้ไขอย่างจริงจัง โดยลดอำนาจการบริหารส่วนกลาง แล้วเพิ่มอำนาจบริหารของชุมชนและให้มีการประสานงานกันในระดับประเทศ ในระดับท้องถิ่น การบริหารประเทศอาจมีสมัชชาประชาชน ซึ่งเป็นองค์การของประชาชนในระดับประเทศ องค์การนี้จะไม่มีอำนาจเด็ดขาดมากมายเหมือนกับสภาผู้แทนราษฎร หรือสภานิติบัญญัติ และมีการประสานกันระหว่างสมัชชาประชาชนระดับประเทศ และประชาชนในระดับท้องถิ่นต่างๆ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับอำเภอ ทั้งหมดนี้หมายถึงองค์การในการควบคุม และในการกำหนดนโยบาย ส่วนองค์การในทางการบริหาร ก็จะต้องเป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งหมายถึงการเลือกตั้งในแต่ละระดับ แต่ยังต้องประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานคล้ายกับผู้ทำหน้าที่ข้าราชการในปัจจุบัน แต่ว่าอำนาจหน้าที่และการเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง รวมทั้งการได้รับรางวัลตอบแทนจากการทำงานนั้น และการถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งจะต้องเป็นไปตามครรลองของประชาธิปไตย คือให้มีการควบคุมโดยองค์การฝ่ายประชาชนในระดับต่างๆ ไม่ใช่เป็นองค์การเอกเทศเช่นในปัจจุบันนี้ ในการแก้ไขปัญหานั้นไม่ได้ถือว่าข้าราชการทุกคนใช้ไม่ได้ ไม่ได้ถือว่าข้าราชการเป็นคนเลวตามธรรมชาติ แต่เมื่อมาอยู่ในองค์การบริหารที่มีโครงสร้าง มีระเบียบ จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เขาขึ้นอยู่กับการควบคุมของประชาชน ไม่ใช่ขั้นอยู่กับนโยบายซึ่งเป็นตัวแทนของผลประโยชน์ทางชนชั้นอย่างในปัจจุบัน

พรรคสังคมนิยมฯถือว่า ข้าราชการทั้งหลายเป็นประชาชนคนไทยเช่นเดียวกับชนชั้นอื่น และมีความเชื่อมั่นว่า ข้าราชการจำนวนมากมีความรักชาติประชาธิปไตย พร้อมที่จะเสียสละและก็เป็นผู้ที่มีสมรรถภาพสูง แต่ทว่าระบบที่เขามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ ระบบการบริหาร กฎเกณฑ์ต่างๆ รวมทั้งประเพณีในการทำงาน ไม่เปิดโอกาสให้เขาทำงานรับใช้ประชาชนอย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้น เมื่อมีการเปลี่ยนระบบ เปลี่ยนองค์การ ก็มั่นใจได้ว่า จะมีการทำงานที่สามารถรับใช้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

โอกาสของพรรคสังคมนิยมฯ ในการดำเนินงานที่กล่าวถึง ต้องขึ้นอยู่กับโอกาส และโอกาสต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปเป็นประจำวัน เปลี่ยนอยู่ทุกทั่วโมง ทุกวัน เราก็มีความมั่นใจว่า โดยการต่อสู้ตามครรลองของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันในวิถีทางของรัฐสภาเป็นไปได้ แม้แต่โดยการสมัครรับเลือกตั้งคือ เมื่อประชาชนมีความเข้าใจในปัญหาที่แท้จริงของเขา ในทางเศรษฐกิจ ทางการปกครอง ในด้านสวัสดิภาพสังคม การศึกษา การสาธารณสุข และมีความเข้าใจในนโยบายของทางพรรคสังคมนิยมฯ อย่างถ่องแท้และถูกต้อง ผมก็มั่นใจว่า ประชาชนจนต้องสนับสนุนนโยบายเหล่านี้ เพราะเป็นนโยบายเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง พวกเรามองโลกในแง่ดีอย่างแน่นอน คือว่าเราอาจจะมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ตามครรลองของรัฐธรรมนูญที่เป็นอยู่ แต่ว่า แน่นอนการดำเนินนโยบายสังคมนิยมดังที่กำหนดไว้ ก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขโครงสร้างของเศรษฐกิจ ของการปกครอง บริหารประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งย่อมจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเลยก็อาจเป็นไปได้ อันนี้ถือว่าเป็นอุดมการณ์ตามความหวังอันนี้อย่างซื่อสัตย์สุจริตเปิดเผย ตรงไปตรงมาและอย่างสันติวิธี ส่วนการเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น และรัฐสภาสามารถดำเนินนโยบายเหล่านี้ได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่ประวัติศาสตร์ในอนาคตเป็นผู้กำหนด และผู้กำหนดที่แท้จริงก็คือ ประชาชน

การต่อสู้อย่างสันติวิธีนั้น ตลอดเวลาเราทำทุกอย่างตามกรอบของกฎหมาย กิจกรรมนอกรัฐสภาของพรรคสังคมนิยมเป็นกิจกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายทั้งสิ้น แม้มีการจัดชุมนุมประชาชนในขณะที่ไม่มีการเลือกตั้ง ก็ถือว่าเป็นการกระทำตามสิทธิของประชาชนในระบอบรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน คือ มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เราไม่มีนโยบายที่จะริเริ่มใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างสถานะหรือระบบ หรือแนวนโยบายหรือกฎหมายต่างๆ ที่มีอยู่โดยแนวสันติ แต่ถึงกระนั้น พรรคสังคมนิยมต้องเผชิญต่อการใช้กำลังรุนแรงโดยฝ่ายต่อต้านพรรคสังคมนิยมฯ ฝ่ายที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง การใช้ความรุนแรงกับพรรคสังคมนิยมฯมีอยู่ตลอดเวลา แม้แต่พรรคการเมืองอื่นๆ ซึ่งมีแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาซึ่งไปกระทบกระเทือนผลประโยชน์ของผู้ที่ควบคุมกลไกของรัฐที่มีอำนาจอยู่ในปัจจุบัน ก็ต้องเผชิญปัญหาความรุนแรงเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น เมื่อกล่าวว่าเราหลีกเลี่ยงการใช้กำลังความรุนแรงเป็นเครื่องมือผลักดันการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ได้หมายความว่าฝ่ายที่ต่อต้านเราจะไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับเราด้วย เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงท่าทีของบุคคลบางคนในแนวทางสังคมนิยม เป็นต้นว่า เลิกทำกิจการต่างๆ เสีย หันไปเป็นผู้ที่อยู่นอกแนวทางการเมือง บางคนอาจจะตกอยู่ในภาวะอันตรายถึงขนาดว่าจำเป็นต้องหลบต้องซ่อน

อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ใช้ความรุนแรงนี้ ก่อให้เกิดความจำเป็นที่จะต้องป้องกันตัว ความรุนแรงก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากความจำเป็นที่จะต้องป้องกันตัวดังกล่าวนี้ อย่างเช่นในพรรคสังคมนิยมฯ เพราะเคยมีผู้ข่มขู่ว่า จะเอาระเบิดมาวาง จะเผาพรรค จะมายิงเจ้าหน้าที่ในพรรค วิธีป้องการตัวของเราที่เคยทำมาแล้วก็คือ ปิดประตูพรรคและหนีออกจากพรรคกันหมด นี่คือการเตรียมรับมือกับความรุนแรงอย่างหนึ่ง ในบางครั้งก็อาจจะมีการป้องกันโดยวิธีอื่น เป็นต้นว่า ถ้าเขามาเราก็ต้องหาทางไม่ให้เขาโยนระเบิด ไม่ให้เขายิง เหล่านี้เท่าที่ผมสามารถจะเรียนให้ทราบได้ มันเป็นสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติเหมือนกัน ที่จะรักษาชีวิต ที่จะป้องกันตัวเอง

แม้ว่าเราจะมีความเชื่อมั่นในศรัทธาต่อประชาชน แต่โอกาสที่มีอยู่นี้นั้นมันมีน้อยจริง ๆ และน้อยมาตั้งแต่ต้น ที่มีน้อยใช่เป็นเพราะว่าประชาชนมีนโยบายต่อต้านสังคมนิยมโดยธรรมชาติ แต่ประชาชนถูกปิดประตูไม่ให้รู้จัก สังคมนิยม โดยวิธีต่าง ๆ โดยการบิดเบือนใช้เล่ห์เหลี่ยม เพทาย มีการหลอกลวงมอมเมาประชาชนต่าง ๆ นาๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้คนของรัฐบาล ใช้เจ้าหน้าที่ในระบบราชการ ตลอดจนประชาชนที่อยู่ใกล้ชิดฝ่ายต่อต้านสังคมนิยมทั้งหลายเป็นจักรกลในการต่อต้าน อุปสรรคจึงมีอยู่มากมาย แม้การหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรค ก็ไม่สามารถเข้าไปหาประชาชนได้ เข้าไปในหมู่บ้านตำบลไหนก็ถูกอันธพาลคอยไล่ฆ่าไล่ฟัน เจ้าหน้าที่ในบ้านเมืองหลาย ๆ คนก็ไม่สามารถให้ความคุ้มครอง ให้ความเป็นกลางทางการเมืองได้ ในขณะนี้ก็มีผู้ที่ให้ความสนับสนุนพรรคสังคมนิยมฯ ในการเลือกตั้งถูกฆ่าตายไปแล้วหลายคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น