วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทสัมภาษณ์: ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน 6 กุมภาพันธุ์ 2519


โดย: กัญจนา พูลผล

เช้าวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ดิฉันยังจำได้ว่า เป็นเช้าวันที่เพื่อนทุกคนในคณะต่างพากันตกใจต่อข่าวการตายของอาจารย์บุญสนอง บุณโยทยาน และดิฉันก็คิดด้วยว่า ไม่เพียงแต่ที่คณะนิเทศศาสตร์ของดิฉันเท่านั้น บรรดาผู้ที่เคยผ่านการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในขณะนี้และประชาชนที่ทราบเรื่องนี้ต่างก็เกิดความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจต่อการสูญเสียอาจารย์ที่ดีของลูกศิษย์ ลูกที่ดีของประชาชนไปเหมือนกัน

ดิฉันนึกถึง เหตุการณ์เมื่อเช้าวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ที่ดิฉันมีโอกาสไปพบอาจารย์ที่บ้านเพื่อขอความคิดเห็นต่อสังคมที่เป็นอยู่นี้ ซึ่งไม่คิดเลยว่าการได้พบอาจารย์เป็นครั้งแรกครั้งนี้จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของชีวิตนี้

มันเหมือนกับมีลางสังหรณ์อะไรมาก่อน ทำให้อาจารย์กล่าวกับดิฉันเมื่อแรกที่พบหน้ากันว่า จะให้สัมภาษณ์แก่ดิฉันเป็นกรณีพิเศษ เพราะอาจารย์จะไม่ให้สัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์ฉบับอื่น ๆ อีกแล้ว เนื่องจากหนังสือพิมพ์ส่วนหนึ่งมักสัมภาษณ์อย่างแล้วไปเขียนอีกอย่าง

คำถามแรกที่ดิฉันถามอาจารย์ก็คือ การที่รัฐบาลประกาศยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในวันที่ ๔ เมษายน มีเงื่อนไขทางการเมืองอย่างไรบ้าง

อาจารย์บุญสนองกล่าวว่า รัฐบาลหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ อ้างว่า สภาประกอบด้วย ส.ส. จากพรรคการเมืองต่าง ๆ มากเกินไป ทำให้รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ มีอุปสรรคในการบริหารประเทศ รัฐบาลจึงยุบสภาเสีย เพื่อให้ประชาชนตัดสินด้วยการเลือกตั้ง และหวังว่าในสภาจะมีพรรคการเมืองน้อยลง ทำให้รัฐบาลมีความมั่นคงยิ่งขึ้น สามารถบริหารประเทศได้สะดวกยิ่งขึ้น

แต่ความเป็นจริงแล้ว สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้รัฐบาลหาทางออกโดยการยุบสภา ก็คือการที่พรรคฝ่ายค้านหลายพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายสังคมนิยม ไม่สามารถให้ความสนับสนุนรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลคึกฤทธิ์-ประมาณ ดำเนินนโยบายและปฏิบัติงานผิดพลาด ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เช่นในเรื่องการฆาตกรรมชาวปัตตานี การขึ้นราคาข้าวสารและความไม่สำเร็จในการประกันราคาข้าวเปลือก ตลอดจนการผันเงินจำนวนมหาศาลไปสู่ชนบทอย่างไม่มีหลักการเพื่อแก้ปัญหาชาวนาที่แท้จริง

เมื่อพรรคฝ่ายค้าน รวมตัวกันอย่างเพียงพอจนสามารถลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาลได้ ทำให้รัฐบาลต้องลาออกตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลก็รีบชิงยุบสภาเสียโดย ไม่มีเหตุผลอย่างใดทั้งสิ้น เพราะรัฐบาลเพิ่งมีการปรับปรุงคณะรัฐมนตรี และสภาผู้แทนก็อยู่ในระหว่างการปิดสมัยการประชุม ไม่มี ส.ส. คนไหนมีโอกาสสร้างปัญหาใดๆ แก่รัฐบาล

เมื่อพรรคฝ่ายค้านรวมกำลังกันจน กระทั่งล้มรัฐบาลได้ ก็ได้มีการตกลงกันที่จะตั้งรัฐบาลผสมขึ้นแทน โดยมีนโยบายสังคมนิยมเป็นหลัก และจะมีชาวสังคมนิยมหลายคนเข้าร่วมเป็นรัฐมนตรี รัฐบาลและผู้ควบคุมอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองต่าง ๆ ก็พากันตื่นตระหนก รีบปล่อยข่าวให้ประชาชนเกิดความเกรงกลัวว่า ถ้ารัฐบาลใหม่เป็นรัฐบาลสังคมนิยม ประชาชนจะได้รับความเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้

ทั้ง ๆ ที่ความจริงประชาชนส่วนใหญ่กลับจะได้รับผลประโยชน์ มีแต่ผู้มีอำนาจผูกขาดทั้งหลายเท่านั้นที่จะเสียหาย

การอ้างว่าการเลือกตั้งจะทำให้มีพรรคการเมืองน้อยลงนั้น ก็เป็นเรื่องเหลวไหล ถ้ารัฐบาลต้องการอย่างนั้นจริง ทำไมไม่เคยเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับพรรคการเมืองแต่อย่างใดเลย เมื่อยุบสภาแล้วกลับจะพยายามออกพระราชกำหนดจำกัดจำนวนพรรคการเมืองทั้ง ๆ ที่ผิดรัฐธรรมนูญ เมื่อถูกประท้วงจึงเงียบไป

เหตุที่ผมไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะมันแพงเกินไปอาจารย์บุญสนองกล่าว เมื่อดิฉันถามว่าทำไมถึงไม่ลงสมัครครั้งนี้ด้วย

การเลือกตั้งครั้งนี้ผมคาดว่า จะมีการทุ่มเงินและใช้อิทธิพลทั้งทางตรงและทางอ้อมมากกว่าเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๑๘ เสียอีก ผู้เป็นรัฐบาลอยู่เวลานี้ไม่เต็มใจที่จะสละอำนาจของตน ไม่เช่นนั้นก็คงยอมให้มีการอภิปรายทั่วไป เมื่อกลางเดือนมกราคม ๒๕๑๙ แล้ว

บางทีพรรคประชาธิปัตย์ กิจสังคม ชาติไทย ธรรมสังคมและอื่น ๆ ของฝ่ายนายทุนทั้งหลายจะร่วมกันตั้งรัฐบาลที่มีความมั่นคงเด็ดขาด ทำอะไรได้ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปได้ หรือบางทีฝ่ายขวาอาจแบ่งเป็นทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านเล่นละครกันต่อไป โดยมีพรรคสังคมนิยมเป็นพรรคช่างนิยมประดับสภาต่อไปก็เป็นได้

การเลือกตั้งในเมืองไทยนั้น ก็คือการแข่งขันกันด้วยเงิน อำนาจ และเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงบิดเบือนประชาชนทั้งนั้น พรรคที่ไม่มีทุนรอน และใช้แต่ความสุจริตเสนอนโยบายและความยืนหยัดต่อประชาชน คงถูกกลั่นแกล้วถูกทำลายต่อไปอย่างไม่มีข้อสงสัย

ภายหลังการเลือกตั้ง ถึงแม้จะเป็นรัฐบาลหลายพรรคอย่างเก่าอีก ก็คาดว่าจะเป็นรัฐบาลของพรรคฝ่ายนายทุนอยู่ต่อไป และถ้าบังเอิญฝ่ายสังคมนิยมเกิดเข้าสู่สมการทำให้มีอำนาจต่อรองในการตั้งรัฐบาลขึ้นอีก ก็คงจะมีการยุบสภา หรือรวบอำนาจโดยวิธีอย่างเก่าอีก

แต่อย่างไรก็ตามผมคาดว่า พรรคทางฝ่ายสังคมนิยมจะได้รับการเลือกตั้งมากกว่าครั้งที่แล้ว

อาจารย์บุญสนอง ได้ระบุในเรื่องที่ว่าผู้มีอำนาจใช้เงินและอิทธิพลเล่ห์กลต่าง ๆ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่ามีการแจกเงิน จ้างบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ใช้อันธพาลข่มขู่คู่ต่อสู้ และประชาชน ใช้กลไกที่เขาควบคุมอยู่เป็นเครื่องมือ ใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องมืออีกด้วย

สำหรับในเรื่องการรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งทางพรรคสังคมนิยม มักจะถูกกล่าวหาเสมอ ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไรที่พรรคสังคมนิยมจะไม่มีความรักในสถาบันทั้ง ๓ นี้

การรักชาติ ก็คือการรักประชาชน ไม่กดขี่ข่มเหงเบียดเบียนประชาชน การรักศาสนาก็คือการรักและยึดมั่นในศีลธรรมที่ทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุข เสมอภาคและเป็นธรรม การรักพระมหากษัตริย์ก็คือรักพระราชาผู้ทรงธรรม ไม่นำพระประมุขของประเทศผู้ทรงอยู่เหนือการเมืองมาแอบอ้างใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแต่ในทางใด ๆ

ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม มีความรักและเทิดทูนสถาบันทั้ง ๓ ในลักษณะนี้ เราจึงคัดค้านต่อต้าน เปิดโปง และประณามผู้แอบอ้างแอบแฝงใช้ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เป็นเครื่องมีอยู่ตลอดเวลา

เราเชื่อมั่นว่าประชาชนย่อมเฉลียวฉลาด และตามมันเล่ห์การะเท่ห์ของนักการเมืองที่แสวงหาอำนาจและประโยชน์ส่วนตัวอย่างแน่นอน

ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมเท่านั้น จึงจะทำให้มีการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทั้งหลายของประชาชนที่ถูกเบียดบังผลได้จากการทำงาน และถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบจากชนชั้นปกครองอย่างทุกวันนี้ เพราะสังคมนิยมขจัดการผูกขากของนายทุน เอกชนภายในประเทศและของจักรวรรดินิยม

ระบบการปกครองที่ไม่มีการผูกขาดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอำนาจทางการเมือง โดยอภิสิทธิ์ชนซึ่งได้แก่ประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชนนั่นเอง ไม่ใช่ประชาธิปไตยจอมปลอมของชนชั้นนายทุน และชนชั้นปกครองอย่างที่อ้างกันพร่ำเพรื่อ จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทยได้อย่างแท้จริง

อาจารย์ได้ให้ความเห็นต่อการประกันราคาข้าวเปลือกของรัฐบาลว่า มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย

ที่เห็นด้วย เพราะเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายนี้มาแล้ว และชาวไร่ชาวนาก็หวังจะได้ประโยชน์จากการขายข้าวราคาแพงขึ้น เราก็ต้องพากันเรียกร้องให้รัฐบาลปฏิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ชาวนาขายข้าวได้เกวียนละ ๒,๕๐๐ บาท ซึ่งรัฐบาลยังไม่ได้ทำและทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน

และที่ไม่เห็นด้วย เพราะการประกันราคาข้าวเปลือกเป็นการแก้ปัญหาความยากจนของประชาชนที่ปลายเหตุเหลือเกิน ที่จะต้องแก้กันอย่างจริงจัง คือการหาตลาดในต่างประเทศ การตัดพ่อค้าคนกลาง ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับผูกขาดจากต่างประเทศ ให้ชาวนาได้เงินค่าจ้างของเขาตามราคาตลาดจริงๆ และคิดว่าคงไม่มีรัฐบาลของนายทุนผูกขากพรรคไหนจะยอมทำ

ดิฉันจำได้ว่า คำถามสุดท้ายที่ดิฉันถามไปคือ ข่าวการรวมตัวกันระหว่างพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทยกับพรรคแนวร่วมรัฐบาล

เราจะยังไม่รวมกันแต่มีความปรารถนาตรงกันอยู่มาก และมีการร่วมมือกันบางประการอยู่แล้วเช่นที่จังหวัดขอนแก่นและชุมพร ก็มีการส่งผู้สมัครร่วมกัน สำหรับพรรคสังคมนิยมฯ เรามีท่าทีเต็มใจที่จะร่วมมือหรือรวมตัวกับพรรคที่มีนโยบายสอดคล้องกันอยู่ตลอดเวลา เพราะเราถือว่าถ้ารวมกันได้ ก็จะเป็นไปตามความต้องการและประโยชน์ของประชาชน อุปสรรคในการรวมกันไม่ได้อยู่ที่พรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย

คำสัมภาษณ์ดังกล่าวข้างต้นนั้น เป็นการแสดงความคิดเห็นของอาจารย์บุญสนอง ที่ชี้ให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า จุดยืนและแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองของอาจารย์ยืนหยัดเคียงข้างอยู่กับประชาชนอย่างไรบ้าง ย่อมเป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้ทั้งการกระทำตลอดเวลาที่อาจารย์มีชีวิตอยู่ตราบถึงลมหายใจสุดท้าย

แต่ถึงอย่างไรดิฉันก็มั่นใจว่า อุดมการณ์ของอาจารย์จะไม่ถูกประชาชนทอดทิ้งอย่างแน่นอน คนที่มีความคิดเช่นเดียวกันนี้กำลังเดินทางตามหลังกันมาอีกเป็นขบวน

และเมื่อนั้นคงจะได้มีการพิสูจน์สัจธรรมนี้กัน

ประชาธิปไตยแบบสังคมนิยมเท่านั้น จึงจะทำให้มีการแก้ปัญหาพื้นฐานของประชาชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น